โครงการธนาคารอาหารชุมชน (เกษตรวิชญา) จังหวัดเชียงใหม่
ความเป็นมาโครงการ
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทร มหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรง
โปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อโครงการว่า เกษตรวิชญา มีความหมาย “ปราชญ์แห่งการเกษตร” คือชื่อของศูนย์เรียนรู้
ด้านการเกษตร ตั้งอยู่ที่บ้านกองแหะ ตำบลโป่งแยง อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งปฐมบทแห่งการพัฒนาตามพระราชดำรินี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2544 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดี
ศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ในขณะนั้นทรงดำรงพระอิสริยยศ สมเด็จพระบรม
โอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้เสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์มายังพื้นที่บ้านกองแหะ
และทรงมีพระราชดำริให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสำรวจและวางแผนการใช้ที่ดินส่วนพระองค์ที่ทรงพระราชทาน เมื่อวันที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๔๕ เนื้อที่ ๑,๓๕๐ ไร่ รวมทั้งการพัฒนาแหล่งน้ำ เพื่อให้ได้แนวทาง หรือวิธีการ
ที่เหมาะสมต่อการเกษตร เลือกพืชปลูกให้เหมาะสม กำหนดแนวทางการใช้ประโยชน์ที่ดิน เพื่อการอนุรักษ์ และใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน
จากความร่วมมือในการพัฒนาเพื่อสนองพระราชดำริ โดยมีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นหนึ่ง
ในหน่วยงานหลัก ได้ดำเนินการพัฒนาพื้นที่ในลักษณะของคลินิกเกษตร เพื่อเผยแพร่ผลงานวิจัยและเทคโนโลยีการเกษตรจากศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในรูปแบบศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีชุมชน เป็นศูนย์ฝึกอบรม และวิจัยพัฒนาการเกษตรให้เหมาะสมกับพื้นที่ รวมทั้ง
การฟื้นฟูและอนุรักษ์สภาพแวดล้อมให้เกิดระบบนิเวศที่สมบูรณ์ เป็นแหล่งผลิตอาหารธรรมชาติ และมีการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มีคำสั่ง ที่ 472/2549 ลงวันที่ 24 กันยายน 2549 ได้แต่งตั้งคณะกรรมการและคณะอนุกรรมการโครงการ “เกษตรวิชญา” โครงการ
ตามพระราชดำริของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และต่อมาได้มีคำสั่ง ที่ 722/2562
ลงวันที่ 25 มีนาคม 2562 แต่งตั้งคณะกรรมการโครงการเกษตรวิชญาขึ้นใหม่ เพื่อให้การดำเนินงาน
ตามโครงการดังกล่าวเป็นไปอย่างต่อเนื่อง มีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับการดำเนินงานและเป็นปัจจุบัน นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มอบหมายให้สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) พัฒนาพื้นที่เนื้อที่ 123 ไร่ ในปี พ.ศ. 2546 ภายใต้โครงการธนาคารอาหารชุมชน ตามวัตถุประสงค์ของโครงการเกษตรวิชญา
นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมพัฒนาที่ดิน ได้ดำเนินการจัดทำแผนที่ขอบเขตโครงการ สำรวจข้อมูลพื้นที่ และวางแผนการใช้ที่ดิน เพื่อให้ชุมชน และส่วนราชการร่วมกันใช้ที่ดินอย่างยั่งยืน โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็น 5 ส่วน ได้แก่
1. พื้นที่ทรงงาน เนื้อที่ 32 ไร่ (ร้อยละ 2.37 ของพื้นที่ทั้งหมด) เป็นพื้นที่จุดสูงสุดของโครงการสามารถเห็นภูมิทัศน์โดยรอบ มีความสูง 1,185 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง
2. พื้นที่สาธิตการเรียนรู้ เนื้อที่ 138 ไร่ (ร้อยละ 10.22 ของพื้นที่ทั้งหมด) เป็นศูนย์ประสานราชการ มีอาคารสำนักงาน ห้องประชุม และพื้นที่สาธิต การเรียนรู้เกษตรสมัยใหม่
3. พื้นที่จัดสรรให้เกษตรกรทำกิน เนื้อที่ 139 ไร่ (ร้อยละ 10.3 ของพื้นที่ทั้งหมด) เป็นพื้นที่
อยู่ติดกับหมู่บ้าน สภาพพื้นที่ราบเรียบถึงเนินเขา ลักษณะของดินเป็นดินลึก เหมาะสำหรับทำเกษตรกรรม
ได้จัดสรรเป็นที่ทำกินให้กับเกษตรกร จำนวน 60 ราย ๆ ละ 1 ไร่ โดยปัจจุบันมีเกษตรกรทำการเกษตรในพื้นที่จัดสรร จำนวน 54 ราย
4. พื้นที่ธนาคารอาหารชุมชน เนื้อที่ 123 ไร่ (ร้อยละ 9 ของพื้นที่ทั้งหมด) เดิมเป็นพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม สภาพพื้นที่เป็นลูกคลื่นลอนลาดถึงเนินเขา ลักษณะดินเป็นดินลึก ได้พัฒนาและฟื้นฟูเป็นแหล่งอาหารชุมชน โดยรักษาไม้ยืนต้นให้เป็นป่าผสมผสาน ปลูกไม้ใช้สอย พืชอาหาร พืชสมุนไพร ดูแลและรักษาระบบนิเวศ
ใช้ประโยชน์ร่วมกัน โดยชุมชนเพื่อชุมชน
5. พื้นที่ป่าไม้ เนื้อที่ 918 ไร่ (ร้อยละ 68 ของพื้นที่ทั้งหมด) แบ่งเป็นพื้นที่ป่าด้านตะวันตก เนื้อที่ 598 ไร่ และพื้นที่ป่าด้านตะวันออก เนื้อที่ 320 ไร่ เดิมมีสภาพเป็นป่าเสื่อมโทรม เกิดปัญหาไฟไหม้บ่อยครั้ง ปัจจุบันได้รับการอนุรักษ์และฟื้นฟูจนมีสภาพเป็นป่าสมบูรณ์ และเป็นแหล่งต้นน้ำที่สำคัญของพื้นที่โครงการ